มารักษ์โลกโดยรีไซเคิลกระดาษง่ายๆได้ด้วยตัวคุณเอง
กระดาษนั้นจัดว่าเป็นวัสดุที่มีค่ามากมายมหาศาล ไม่ใช่เพียงแต่มีมูลค่าเนื่องจากการผลิตเพื่อนำมาใช้เท่านั้น แต่มีค่าทางด้านประวิติศาสตร์เนื่องจากใช้จดบันทึกเรื่องราวในอดีตมากมาย ไปจนถึงการสร้าสรรค์งานศิลปะอันประเมินค่าไม่ได้อีกด้วย ปัจจุบันนี้เราสามารถผลิตกระดาษเพื่อใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นกระดาษจึงไม่ใช่สิ่งที่ทำหรือหาได้ยากอย่างเช่นในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่าวัสดุที่จะนำมาทำเป็นกระดาษหรือว่าต้นไม้นั้นมีจำนวนน้อยลงๆไปทุกที ทั้งนี้เนื่องจากต้นไม้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของคนเราโดยไม่มีการปลูกทดแทนในจำนวนที่มากพอ และต้นไม้เองก็ไม่สามารถโตทันให้กลับมาใช้ได้ทันการณ์ด้วย
โดยวัสดุหลักที่เรานำมาผลิตเป็นกระดาษในทุกวันนี้มีทั้งไม้ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญที่สุด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของเส้นใย (Fiber) คือ ไม้เนื้ออ่อน(Soft Wood) ที่มีเส้นใยยาว (ประมาณ3-4 มม.) จำพวกไม้สน(Cone-Bearing Tree) และไม้เนื้อแข็ง(Hard Wood )ที่มีเส้นใยสั้น (ประมาณ1-1.5มม.) ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลัดใบ (Deciduous Tree) รวมไปถึงชานอ้อย(เป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษในประเทศไทย) และฟางข้าว ท้ายที่สุดคือกระดาษที่ใช้แล้วหรือกระดาษที่จะนำมารีไซเคิลนั่นเอง
ดังนั้นแนวคิดที่จะอนุรักษ์ป่าไม้ไปพร้อมกับการที่ยังมีกระดาษใช้จึงได้เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้เราเรียกว่า “รีไซเคิลกระดาษ” ซึ่งแท้จริงแล้วหลายคนคิดว่ากระบวนการรีไซเคิลกระดาษนี้สามารถทำได้เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าลองศึกษาให้ดีก็จะสามารถทำเพื่อนำมาใช้งานได้จริงเช่นกัน ซึ่งขั้นตอนในการทำนั้นไม่ได้ยุ่งยากมากมายเลยเพียงแต่อาจจะต้องใช้แรงงานกับอุปกรณ์สักหน่อย รวมไปถึงเวลากับความใส่ใจอีกนิดเชื่อได้เลยว่าผลงานที่ทำขึ้นมาคุณสามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจได้เลยในอนาคต โดยการทำกระดาษรีไซเคิลมีขั้นตอนดังนี้คือ
ขั้นตอนการทำกระดาษรีไซเคิล
อุปกรณ์ที่ใช้ทำกระดาษรีไซเคิล
1. กระดาษที่ทิ้งแล้ว
2. กะละมัง หรือถังน้ำ
3. เฟรม(เป็นกรอบที่ทำด้วยไม้หรืออลูมิเนียมและมีตะแกรงขึงเพื่อใช้ตากกระดาษ คล้ายมุ้งลวด)
ขั้นตอนการทำกระดาษรีไซเคิล
1. นำกระดาษที่เหลือใช้ ได้แก่ กระดาษสมุด กระดาษหนังสือ กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษเอกสารก๊อปปี้ มาคัดเลือก โดยจำเป็นต้องแยกประเภทของกระดาษแต่ละชนิดออกจากกันเนื่องจากกระดาษแต่ละอย่างมีความไวต่อการย่อยสลายไม่เท่ากัน
2. ฉีกกระดาษออกให้เป็นชิ้นเล็กๆ โดยให้มีขนาดประมาณ 2 – 3 นิ้ว แล้วนำกระดาษที่ได้ไปแช่ลงในกะละมังหรือถังน้ำบรรจุน้ำโดยใส่น้ำให้ท่วมกระดาษ ใช้เวลาในการแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 วัน จนกว่ากระดาษจะเปื่อยยุ่ย
3. เมื่อกระดาษเปื่อยยุ่ยดีแล้ว ให้นำเอาเยื่อกระดาษที่ได้มาใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้แล้วปั่นให้ละเอียดโดยเติมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ปั่นง่ายขึ้น(ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถเติมสีได้ตามความต้องการ) ปั่นจนกระดาษละเอียดเป็นวุ้น
4. นำเยื่อกระดาษที่ปั่นได้ใส่ลงในกะละมังแล้วเติมน้ำตามลงไป ถ้าต้องการกระดาษหนาให้ใส่น้ำน้อย แต่ถ้าต้องการกระดาษบางใส่น้ำให้มากขึ้น(น้ำน้อยเยื่อกระดาษจะเกาะตัวกัน ในขณะที่น้ำมากเยื่อกระดาษจะกระจายตัวออกจากกัน)
5. ใช้ไม้กวนเยื่อกระดาษให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำเฟรมที่เตรียมไว้(ควรมีหลายๆอัน)ช้อนเยื่อกระดาษในกะละมังขึ้นมา หากได้ความหนาที่ต้องการก็ให้ทำการเกลี่ยกระดาษให้เรียบเสมอทั่วกันทั้งแผ่นแล้วนำไปตากแดด
6. ให้ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 วัน หรือจนกว่ากระดาษจะแห้ง โดยกระดาษที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกระดาษสา
7. ลอกกระดาษออกจากเฟรมแล้วนำไปใช้ได้ตามต้องการ
เมื่อได้กระดาษออกมาแล้วคุณสามารถนำไปใช้งานได้เลยโดยไม่จำกัด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะลงแล้ว ยังมีกระดาษใหม่ๆไว้ใช้โดยไม่ต้องเสียสตางค์ซื้ออีกด้วย ซึ่งกระดาษที่ได้นั้นจะมีคุณลักษณะคล้ายกระดาษสา คือ มีความขรุขระในเนื้อกระดาษ เมื่อช้อนเนื้อกระดาษออกมาใหม่ๆคุณสามารถตกแต่งเยื่อกระดาษด้วยเศษวัสดุต่างๆเพื่อให้สวยงามขึ้นได้อีก เช่น ใบไม้ ดอกไม้ หรือแต้มสีในกรณีที่คุณมีความสามารถทางศิลปะ จากนั้นคุณก็สามารถนำกระดาษที่ได้รังสรรค์เป็นชิ้นงานต่างๆได้ตามแต่ใจคุณปรารถนา หรืออาจจะนำไปเป็นกระดาษห่อของขวัญ กระดาษห่อปกสมุดหนังสือ กระดาษที่ใช้จัดตะกร้าของขวัญ หรือจะเย็บเล่มเป็นสมุดเพื่อใช้งานหรือจดบันทึก รวมถึงถ้าหากคุณฝีมือดีก็สามารถนำชิ้นงานประดิษฐ์เหล่านี้ฝากขายเพื่อเป็นรายได้เสริมโดยแทบไม่ต้องลงทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย
จะเห็นได้ว่าการรีไซเคิลกระดาษนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยถ้าหากเราตั้งใจจริง เริ่มต้นด้วยการแยกประเภทขยะโดยนำกระดาษที่เหลือใช้หรือจะทิ้งแล้วออกมาจากขยะชนิดอื่นๆ แล้วจึงนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลก็จะได้กระดาษแผ่นใหม่ออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเรียบร้อยเหมือนกับกระดาษที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ได้ความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ป่าไม้ด้วยการแยกขยะและรีไซเคิล ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลดีในการลงมือปฏิบัติก็จะสะท้อนกลับมาสู่ตัวเราให้มีจิตใจละเอียดอ่อนเข้าใจธรรมชาติรวมไปถึงตระหนักถึงกระรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีงามสืบไปอีกด้วย