วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

รีไซเคิลคืออะไร

รีไซเคิลคืออะไร 
ในยุคปัจจุบันที่ทรัพยากรต่างถูกใช้มากขึ้นทุกทีๆอย่างไม่ปราณีปราศรัย ทำให้นอกจากที่สิ่งแวดล้อมในโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้วยังก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก ภาวะขาดแคลนทรัพยากร ขาดแคลนอาหาร รวมไปถึงภาวะขยะล้นโลกอีกด้วย โดยเฉพาะในส่วนของภาวะขยะล้นโลกนี้จัดเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ทุกประเทศทั่วโลกและประชากรบนโลกทุกคนต้องรู้จักดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากขยะที่มีปริมาณมากมายในแต่ละวันนั้นจริงๆแล้วสามารถนำกลับมาใช้ได้มากถึงเกือบ50% ของจำนวนขยะที่ถูกทิ้งทั้งหมด โดยในจำนวน50%ของขยะทั้งหลายนี้ยังสามารถนำกลับมาใช้หรือนำกลับมารีไซเคิลหรือจัดการแปรสภาพให้กลับมาเป็นสิ่งของอื่นๆหรือการรียูส(Reuse) หมุนเวียนกันเพื่อนำกลับมาใช้ได้อย่างไม่มีวันหมดวันสิ้น
รีไซเคิล คืออะไร?
รีไซเคิล (Recycle) เป็นการนำเอาขยะหรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาแปรสภาพได้ก่อนที่จะถูกนำไปกำจัดหรือกลายไปเป็นขยะจากทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ด้วยวิธีการหลอมเพื่อให้กลายเป็นวัสดุใหม่แล้วนำกลับมาใช้อีก โดยวัสดุที่ได้ผ่านกระบวนการรีไซเคิลนั้นอาจจะกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่หรือกลับมาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวเดิมก็ได้ ซึ่งสิ่งของหรือวัสดุที่นำมารีไซเคิลนั้นมีอยู่หลากหลาย ได้แก่ เศษแก้ว ขวดแก้ว กระจก กระป๋องเครื่องดื่ม เหล็ก สเตนเลส อะลูมิเนียม ทองแดง ตะกั่ว และพลาสติก เป็นต้น โดยวัสดุแต่ละประเภทจะมีการนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิลที่แตกต่างกันแล้วแต่คุณสมบัติของวัสดุนั้นๆ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าในความเป็นจริงขยะที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกนั้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก รวมถึงสามารถนำมาแปรสภาพเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ รวมไปถึงการนำมารีไซเคิลได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ประชากรบนโลกใบนี้มีความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการนำข้าวของที่ทิ้งแล้วกลับมาใช้การใหม่น้อยมาก แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังหาความใส่ใจในเรื่องขยะนี้จากพลเมืองในประเทศนั้นๆได้ยากเต็มที เราจึงยังคงเห็นข่าวสารเกี่ยวกับการจัดการขยะที่ล้นเมืองจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลกที่แตกต่างกันออกไปตามแต่นโยบายและการจัดการของภาครัฐในประเทศนั้นๆ
ในประเทศไทยเองเราก็มีการเล็งเห็นถึงปัญหาของการที่มีขยะล้นเมืองนี้เช่นกัน โดยภาครัฐได้มีนโยบายการจำกัดขยะลงสู่หน่วยงานต่างๆจึงมีการจัดเก็บขยะไปสู่แหล่งกำจัดในหลายแห่งทั่วประเทศ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือแหล่งกำจัดขยะในสุสานขยะของกรุงเทพมหานครที่ดำเนินงานโดยกรุงเทพมหานครเอง ซึ่งมีสุสานขยะหลักและเป็นแห่งใหญ่อยู่ในพื้นที่เขตหนองแขม และบริเวณโดยรอบสุสานขยะก็จะมีการรับช่วงต่อของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือที่เรียกว่า รียูส (Reuse) รวมไปถึงการจัดเก็บและแยกขยะเพื่อนำมารีไซเคิลจากภาคเอกชนอีกด้วย โดยขยะที่นำมารีไซเคิลนั้นจะได้รับการคัดแยกประเภทของขยะออกจากกัน รวมถึงคัดแยกส่วนประกอบต่างๆออกจากกันตามแต่เนื้อของวัสดุ
ในการคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล ถ้าเป็นขยะประเภทกระดาษก็จะต้องแยกประเภทของกระดาษออกจากกัน เช่น ถ้าหากมีกองกระดาษอยู่กองหนึ่งแล้วจะต้องทำการแยกประเภทกระดาษเหล่านั้นก็จะสามารถแยกออกมาได้ดังนี้คือ
กระดาษสมุด กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสี กระดาษกล่องสีน้ำตาล กระดาษขาว กระดาษดำ กระดาษกล่องนมยูเอชที เป็นต้น หลังจากนั้นจึงนำไปส่งที่โรงงานกระดาษเพื่อนำไปผสมเป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษประเภทต่างๆ ซึ่งก็จะมีเกรดของกระดาษรวมไปถึงการแบ่งแยกประเภทของกระดาษในการผลิต ดังนั้นส่วนผสมของกระดาษที่ถูกนำมารีไซเคิลเมื่อนำมาผสมทำกระดาษใหม่ๆแล้วนั้นก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของกระดาษที่ผลิตด้วย โดยกระดาษที่มีส่วนผสมของกระดาษที่นำมารีไซเคิลจากกระดาษขาวหรือประเภทกระดาษที่ใช้กับคอมพิวเตอร์นั้นจะถูกนำมาทำเป็นกระดาษสมุด หรือกระดาษที่นำมาทำหนังสือ ซึ่งกระดาษเหล่านี้จัดเป็นกระดาษเกรดดีเหมาะที่จะนำมาทำเป็นกระดาษที่ใช้เป็นเครื่องเขียน ในขณะที่กระดาษเกรดที่รองๆลงมาเช่นกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษกล่องสีน้ำตาลจะถูกนำมาทำเป็นกระดาษห่อของขวัญ กล่องกระดาษ หรือแก้วน้ำดื่ม เป็นต้น เมื่อทำการแปรรูปจนได้กระดาษแต่ละประเภทแล้วก็จะนำส่งต่อถึงมือผู้บิโภคอีกครั้งหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าการนำสิ่งของมารีไซเคิลนั้นมีกระบวนการที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน เนื่องจากต้องรวบรวมขยะที่สามารถนำมารีไซเคิลได้จากกองขยะหลายๆที่มารวมกัน ขยะที่ได้มาจึงไม่ใช่ขยะที่สะอาดเท่าไรนัก ดังนั้นขั้นตอนที่สำคัญในการรีไซเคิลก็คือต้องทำความสะอาดขยะเหล่านี้เพื่อให้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ซึ่งกระบวนการในการทำความสะอาดนั้นก็มีความยุ่งยากและสิ้นเปลืองน้ำ แรงงาน ตลอดจนสารเคมีต่างๆมากมาย แต่เราสามารถลดขั้นตอนและช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการแยกขยะแต่ละประเภทออกจากกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดเก็บขยะได้โดยง่าย นอกจากจะช่วยประหยัดทรัพยากรที่ต้องใช้เพื่อนำมาทำความสะอาดขยะแล้ว ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่แยกขยะทำงานน้อยลงรวมถึงสัมผัสสารเคมีน้อยลงด้วย และขยะจากครัวเรือนของเราก็จะสามารถนำไปรีไซเคิลได้โดยง่าย เพราะมีการแยกประเภทของขยะไว้ชัดเจน ทำให้ประหยัดแรงงาน ประหยัดต้นทุนในระยะยาว และเมื่อวัสดุที่นำมารีไซเคิลต้นทุนน้อยลงเราเหล่าผู้บริโภคก็จะสามารถซื้อของได้ในราคาที่ถูกลง ในขณะที่จำนวนขยะที่กำลังจะล้นโลกก็ลดลงไปด้วย
รีไซเคิลจึงเป็นสิ่งที่คนบนโลกทุกคนต้องตระหนักและช่วยกัน คุณว่าจริงมั้ย?

รีไซเคิล (Recycle)กับรียูส (Reuse)เหมือนกันใช่ไหม

รีไซเคิล (Recycle)กับรียูส (Reuse)เหมือนกันใช่ไหม 
ขยะนั้นเป็นปัญหาที่กำลังเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างมากในขณะนี้ และไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะในระดับประเทศหรือในประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น แต่กำลังเป็นปัญหาที่กระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก และยังคงเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาด จนทุกวันนี้ขยะนั้นแทบจะล้นโลกแล้วเพราะปริมาณขยะที่ประชากรบนโลกผลิตต่อหัวต่อวันนั้นมีปริมาณที่มากกว่าความสามารถในการกำจัดขยะได้ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเนื่องจากแต่ละประเทศก็มีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการฝังกลบ หรือการเผา โดยที่ไม่ว่าการกำจัดขยะจะกระทำด้วยวิธีใดต่างก็ส่งผลกับสภาพสิ่งแวดล้อมด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้เกิดแนวความคิดที่จะช่วยกำจัดขยะตั้งแต่ภาคครัวเรือนซึ่งเป็นต้นตอหลักสำคัญในการผลิตขยะ โดยวิธีการที่ใช้กำจัดนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อที่ว่ารีไซเคิล (Recycle)กับรียูส (Reuse)
แนวคิดเกี่ยวกับการรีไซเคิล (Recycle) และรียูส (Reuse)นั้นจัดเป็นระบบการจัดการขยะในยุคปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการกำจัดและลดปริมาณของขยะตั้งแต่ต้นทาง เรียกได้ว่าเป็นการตัดวงจรการเกิดขยะได้เป็นอย่างดี และยังให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจซึ่งเห็นได้จากจำนวนของขยะที่นำกลับมาแปรสภาพใหม่ และการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้งมีปริมาณที่มากยิ่งขึ้น ดังที่ในท้องตลาดนั้นนิยมนำเอาสินค้าที่ผลิตขึ้นจากการรีไซเคิลและการรียูสออกมาขายในรูปแบบต่างๆมากมาย รวมถึงแนวคิดนี้ยังก่อให้เกิดธุรกิจเกี่ยวกับการแยกและกำจัดขยะเกิดขึ้น ซึ่งธุรกิจประเภทนี้ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และมีแต่จะเพิ่มปริมาณและขนาดของธุรกิจประเภทนี้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย สังเกตได้จากกิจการที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิล (Recycle) และรียูส (Reuse)จะกระจายตัวอยู่ในบิเวณเดียวกับหรือบริเวณที่ใกล้กับแหล่งกำจัดหรือสุสานขยะ และถึงแม้รีไซเคิล (Recycle) และรียูส (Reuse)นั้นยังคงมีอยู่ในปริมาณที่น้อยนิดเมื่อเทียบกับปริมาณของขยะจำนวนมหาศาล แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดปริมาณของขยะที่จะเกิดใหม่ รวมถึงลดปริมาณขยะสะสมที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกๆวันอีกด้วย
รีไซเคิล (Recycle)คืออะไร?
รีไซเคิล (Recycle) นั้นคือการนำขยะหรือวัสดุสิ่งของที่กำลังจะกลายมาเป็นขยะมาแปรสภาพด้วยการหลอมใหม่แล้วนำสิ่งที่ได้นั้นกลับมาเป็นวัสดุอย่างเดิมหรือเอากลับมาทำเป็นวัสดุใหม่ ซึ่งไม่ใช่ว่าขยะทุกประเภทจะสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ด้วยเหตุนี้การแยกขยะจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดขั้นตอนของการจัดเก็บ และการแยกชิ้นส่วนหรือเศษวัสดุเพื่อการนำกลับมารีไซเคิล ที่สำคัญคือวัสดุที่จะนำมารีไซเคิลนั้นจะต้องเป็นวัสดุที่สะอาดไม่มีการปนเปื้อน การแยกขยะจึงเป็นการช่วยลดขั้นตอนของการทำความสะอาดวัสดุต่างๆให้น้อยลง ทำให้ลดต้นทุนของการทำความสะอาด เช่น ค่าน้ำ ค่าแรงงาน ค่าสารเคมีต่างๆลง และยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในอีกทางหนึ่งด้วย โดยขยะหรือวัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้นั้น ได้แก่ กระดาษขาว กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษลัง กระดาษหนังสือพิมพ์ แก้ว ขวดแก้ว ภาชนะที่ทำจากแก้ว โลหะต่างๆ และพลาสติก ซึ่งขยะแต่ละประเภทนั้นก็จะมีการแบ่งแยกย่อยลงไปอีกว่าสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกหรือไม่ด้วย
รียูส (Reuse) คืออะไร?
รียูสนั้นคือการนำเอาสิ่งของเหลือใช้ หรือสิ่งของที่กำลังกลายไปเป็นขยะ หรือแม้แต่สิ่งของที่กลายไปเป็นขยะแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ โดยวิธีการของการรียูสหรือนำกลับมาใช้ใหม่นั้นอาจจะเป็นการแค่เพียงนำสิ่งของหรือวัสดุชิ้นนั้นมาใช้ใหม่เลยตรงๆโดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนก็ได้ เช่นการนำโต๊ะ ตู้ ที่นอน เสื้อผ้าที่เก่าแล้วจากคนอื่นๆมาใช้ใหม่ เรียกว่าเก่าของเขาแต่ใหม่ที่เรา หรือการนำเอาข้าวของเหลือใช้หรือขยะเหล่านี้มาทำความสะอาดหรือปรับเปลี่ยนให้ออกมาในรูปลักษณ์ใหม่ เช่น การนำล้อรถยนต์มาทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ถังขยะ การนำเสื้อผ้าเก่ามาทำเป็นพรมเช็ดเท้า การประยุกต์นำขวดพลาสติกมาใช้เป็นแก้วน้ำ กระถางต้นไม้ หรือนำมาทำเป็นงานประดิษฐ์ เป็นต้น ซึ่งการรียูสนี้ช่วยลดการกำจัดขยะลงไปได้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังสามารถนำมาขายเป็นรายได้ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการที่ต้องไปซื้อของชิ้นใหม่มาใช้อีกด้วย เรียกว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เพราะทั้งประหยัดและยังก่อให้เกิดรายได้
จึงสามารสรุปได้ง่ายๆว่ารีไซเคิล (Recycle) และรียูส (Reuse)นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากรีไซเคิลนั้นจะต้องนำวัสดุที่คัดเลือกและแยกประเภทแล้วมาหลอมรวมเพื่อให้เกิดวัสดุประเภทเดิมหรือวัสดุใหม่ แล้วจึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ในขณะที่รียูสสามารถนำกลับมาใช้ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการแปรสภาพเสียก่อน ซึ่งในความเป็นจริงมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าใจว่าการรีไซเคิลนั้นคือการนำของเก่ากลับมาปรับปรุงและหรือเพื่อใช้ใหม่ ดังนั้นจึงมีการเรียกกันไปรวมๆระหว่างการแปรสภาพสิ่งของวัสดุกับการนำวัสดุมาตกแต่งเพื่อใช้ใหม่ว่ารีไซเคิล แต่ไม่ว่าจะเป็นรีไซเคิลหรือรียูส ขอเพียงช่วยลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมก็น่าจะเป็นการดีด้วยประการทั้งปวง
คุณว่าจริงมั้ย?

กว่าจะมาเป็นขวดแก้วรีไซเคิล

กว่าจะมาเป็นขวดแก้วรีไซเคิล 
ขวดแก้วนั้นถือว่าเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งแล้ว ยังสามารถนำกลับมาหลอมเพื่อแปรรูปให้เป็นแก้วในลักษณะอื่นเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่ขวดแก้วที่นำมาแปรสภาพได้เท่านั้น แต่แก้วเกือบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแก้วที่ทำเป็นภาชนะบรรจุต่างๆ เช่น จานแก้ว กระจกใส หลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ขวดแก้วสีต่างๆ แก้วน้ำ รวมไปถึงเศษแก้วเองก็มีประโยชน์มหาศาล เพราะสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งพียงแต่ต้องใช้วิธีการในการนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้เหมาะสม จึงนับเป็นเรื่องน่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่เราจะมาพูดคุยกันในวันนี้
ก่อนจะนำแก้วไปใช้ใหม่ต้องนำมาใช้อีกครั้ง
ก่อนที่จะนำแก้วต่างไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลนั้นจะมีการคัดแยกแก้วแต่ละประเภทออกมาก่อน แต่จะมีแก้วอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องนำไปรีไซเคิล แต่สามารถทำความสะอาดแล้วนำกลับเข้ามาใช้หมุนเวียนได้อีก ซึ่งแก้วประเภทนี้ก็คือขวดแก้วที่ใช้ในการบรรจุอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำปลา ขวดเบียร์ ขวดซอส ขวดแยม ขวดเหล้า ขวดยา ขวดน้ำอัดลม ขวดเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ ไปจนถึงขวดไวน์ หรือแม้แต่ขวดยาดองทั้งหลาย ขวดเหล่านี้ถือว่าเป็นขวดชั้นดี และเมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทันที โดยเราจะสามารถเห็นการนำขวดกลับมาใช้ใหม่นี้ได้ตามบ้านเรือนหรือร้านค้าทั่วไป ถ้าขวดเหล่านี้หากไม่แตกบิ่นเสียหาย หรือจะถูกนำกลับเข้าโรงงานเพื่อนำไปล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้เรียกว่า “Reuse”
แต่ในกรณีที่ขวดแก้วเหล่านี้แตก เศษแก้วทั้งหลายจะต้องได้รับการคัดแยกสีแล้วจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ โดยเบื้องต้นจะเริ่มแยกเศษแก้วออกมาตามสีซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีชา สีเขียว และสีใส แต่ก็ยังมีขวดแก้วสีอื่นๆในท้องตลาดอีกจำนวนมากขึ้นอยู่กับว่านำไปบรรจุอะไร โดยจะต้องเอาฝาจุกที่ติดมากับปากขวดออกแล้วจะบดเศษแก้วให้ละเอียดจากนั้นจะใส่น้ำยากัดสีเพื่อนำสีที่ติดมากับขวดแก้วออกไป แล้วจึงล้างให้สะอาดเพื่อส่งต่อไปที่โรงงานผลิตขวดแก้วเพื่อนำไปหลอมใหม่ ซึ่งกระบวนการหลอมใหม่นี้เราเรียกว่ารีไซเคิล
การรีไซเคิลแก้วทำอย่างไร
แก้วที่จะนำมารีไซเคิลได้นั้นต้องมีความสะอาดและบริสุทธิ์จึงจะสามารถนำมารีไซเคิลโดยสมบูรณ์ได้ ยิ่งมีความสะอาดบริสุทธิ์มากเพียงใดก็ยิ่งจะได้แก้วที่มีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วแก้วจะมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่โดยสารเคมีที่มักจะปนเปื้อนเป็นส่วนหนึ่งของแก้ว ได้แก่ เซรามิค หิน โลหะประเภทต่างๆ เป็นต้น โดยก่อนที่จะนำแก้วทั้งหลายมารีไซเคิลนั้นต้องคัดแยกแก้วออกเป็นแต่ละสีก่อน รวมถึงต้องทำการกำจัดสารปนเปื้อนดังกล่าวออกจากแก้วด้วย จากั้นจึงจะคัดแยกตามประเภทของแก้ว เช่น แก้วแบน แก้วกลวง แก้วพิเศษเช่นจอภาพแก้วหรือแก้วตะกั่ว ฯลฯ
เมื่อแยกประเภทของแก้วรวมถึงทำความสะอาดแก้วแล้วจึงจะเริ่มประบวนการรีไซเคิลแก้ว ตามประเภทของแก้วต่อไป ดังนี้
1. การรีไซเคิลแก้วกลวง
การรีไซเคิลแก้วกลวงช่วยประหยัดวัตถุดิบที่จะนำมาทำแก้วได้เป็นจำนวนมากซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ ได้แก่ ทราย โซดา หินปูน แร่โดโลไมท์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยประหยัดพลังงานที่ต้องใช้ในการแปรรูปวัตถุดิบที่จะนำมาทำแก้วเป็นจำนวนมากอีกด้วย และยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นตัวการของการเกิดภาวะเรือนกระจกโดยตรงได้อีกทางหนึ่ง การรีไซเคิลแก้วกลวงนี้ใช้ระบบคัดประเภทคือสี และระบบแยกคือสารปนเปื้อน เพื่อช่วยผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ทำออกมาใหม่โดยมีสภาพที่สมบูรณ์
2. การรีไซเคิลแก้วพิเศษ
การรีไซเคิลแก้วพิเศษนั้น ได้แก่ แก้วที่นำมาจากจอมอนิเตอร์ จอโทรทัศน์ หลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ เป็นต้น
แก้วประเภทนี้ต้องมีการคัดแยกออกจากแก้วประเภทอื่นๆเนื่องจากมีสารตะกั่วปะปนอยู่ในจำนวนที่มาก โดยเมื่อแยกออกมาแล้วจะมีการนำแก้วเหล่านี้มีเข้ากระบวนการทำความสะอาดให้สารตะกั่วรวมไปถึงสารเคมีอื่นๆหลุดออกจากแก้วเพื่อให้แก้วที่เหลืออยู่มีความบริสุทธิ์และสามารถนำไปใช้รีไซเคิลต่อไปได้
3. การรีไซเคิลแก้วแบน
การรีไซเคิลแก้วแบนจะต้องผ่านกระบวนการในการคัดกรองแก้วเสียก่อน โดยแก้วประเภทนี้มักจะมากจากกระจกรถยนต์ กระจกอาคารและจะมีสารปนเปื้อนซึ่งได้แก่ ลวดความร้อนและแผ่นฟอยด์ที่ใช้กันความร้อนในรถหรือตัวอาคาร รวมไปถึงวัสดุและสารปนเปื้อนชนิดอื่นๆ เช่น เซรามิก หิน ดิน เศษหินอิฐจากอาคาร โลหะ ผงสำหรับอุดรู พลาสติก และอื่นๆ ซึ่งสารปนเปื้อนเหล่านี้จะต้องถูกแยกออกให้หมดเพื่อที่จะนำแก้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ซึ่งแก้วที่ได้จากการหลอมจากเศษแก้วพิเศษเหล่านี้จะกลายเป็นแก้วที่นำมาทำกระจกตามอาคารและกระจกรถยนต์ต่อไปโดยแก้วเหล่านี้จัดว่าเป็นแก้วที่มีคุณภาพสูงเป็นพิเศษอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการนำแก้วมารีไซเคิลนั้นไม่ง่ายเลยตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่ายุ่งยากและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการค่อนข้างสูง แต่เป็นการจัดการที่คุ้มค่าเนื่องจากไม่จำเป็นต้องนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพียงแค่นำแก้วที่มีอยู่มาหลอมใหม่ก็จะได้แก้วชิ้นใหม่ๆไว้ใช้งานตามจุดประสงค์ที่ผลิตขึ้นมาแล้ว ดังนั้นรีไซเคิลจึงถือเป็นกระบวนการที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

มารู้จักประเภทของขยะรีไซเคิลกันเถอะ

มารู้จักประเภทของขยะรีไซเคิลกันเถอะ 
ขยะในโลกนี้มีอยู่มากมายหลายประเภท แต่มีอยู่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เราสามารถนำกลับมาเข้าสู่ขบวนการรีไซเคิลได้ ซึ่งการรีไซเคิลนี้จัดว่าเป็นวิธีกำจัดขยะในเชิงอนุรักษ์เพื่อการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน รวมถึงลดปริมาณของการทำลายและนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยลงด้วย โดยวิธีการรีไซเคิลนั้นจำเป็นที่จะต้องทำในรูปแบบของอุตสาหกรรมเพราะไม่สามารถทำได้โดยไม่ใช้เครื่องจักรกลได้ เนื่องจากกรรมวิธีในการรีไซเคิลนั้นเป็นกระบวนการที่ละเอียดซับซ้อนและแยกย่อยลงไปในวัสดุแต่ละประเภท ซึ่งวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด แต่สามารถจัดประเภทได้ตามเนื้อแท้ของวัสดุนั้นๆ
วัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิล
ประเภทของวัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้นั้นมีอยู่ไม่กี่ประเภท ซึ่งสามารถจัดแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
1. กระดาษ
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนคนเราก็จำเป็นต้องใช้กระดาษอยู่เสมอ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วกระดาษนั้นมีที่มาจากการโค่นล้มต้นไม้เพื่อนำมาทำเป็นเยื่อกระดาษ ซึ่งต้องผ่านการตัดทำลายป่าไม้ และถึงแม้จะมีการปลูกต้นไม้ชดเชย หรือการปลูกต้นไม้เพื่อนำมาทำเป็นกระดาษแล้วก็ตามก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค การรีไซเคิลจึงสามารถเข้ามาช่วยในกระบวนการนี้โดยนำเอากระดาษที่ใช้แล้วผ่านกระบวนการใก้กลับมาเป็นเยื่อกระดาษเพื่อนำมาทำเป็นกระดาษต่างๆอีกครั้ง ถึงแม้ว่ากระดาษที่ได้มาจะมีเนื้อเยื่อที่คุณภาพด้อยลง แต่ก็ดีกว่าการต้องไปทำลายป่าไม้โดยเฉพาะป่าไม้ตามธรรมชาติ
2. แก้ว
แก้วนั้นจัดเป็นวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ โดยทำมาจากทรายที่ผ่านความร้อนที่สูงเป็นพันองศาเซลเซียส โดยทรายที่ผ่านความร้อนนั้นก็จะละลายและถูกหลอมให้กลายเป็นแก้ว ซึ่งระหว่างขั้นตอนการผลิตแก้วในประเภทต่างๆนั้นจะมีการใส่สารเคมีหลายประเภทเข้าไปด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ความแข็งแกร่ง และความสวยงามมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพื่อแยกประเภทในการส่งต่อไปเป็นวัสดุอื่นอีกด้วย โดยการนำแก้วมารีไซเคิลนั้นจำเป็นต้องนำแก้วใส และแก้วสีมาแยกออกจากกัน และไม่สามารถนำแก้วที่ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกระจกอาคารบ้านเรือน หรือกระจกรถกลับมารีไซเคิลได้ โดยกระบวนการรีไซเคิลแก้วนั้นต้องผ่านขั้นตอนของการทำความสะอาดแก้ว แล้วนำมาหลอมใหม่โดยแยกตามสีสัน เช่น แก้วใส แก้วสีชา แก้วสีเขียว เป็นต้น ซึ่งผู้ผลิตสินค้าประเภทเครื่องดื่มที่บรรจุแก้วสามารถนำขวดที่เคยบรรจุแล้วไปทำความสะอาดใหม่เพื่อนำกลับมาใช้อีกได้โดยขบวนการนี้เรียกว่ารียูส
3. โลหะ
การนำโลหะมารีไซเคิลนั้นมีความจำเป็นจะต้องนำมาแยกประเภทของโลหะชนิดต่างๆก่อนเสมอ เนื่องจากโลหะในแต่ละประเภทนั้นมีองศาและวิธีการหลอมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงมีราคาที่แตกต่างกันอย่างมากอีกด้วย โดยโลหะส่วนใหญ่ที่นำมารีไซเคิลนั้นเรามักจะพบเห็นได้โดยทั่วไปก็คือกระป๋องบรรจุเครื่องดื่ม รวทมไปถึงกระป๋องโลหะที่ใช้บรรจุอาหารประเภทต่างๆด้วย แต่ไม่รวมไปถึงกระป๋องที่ใช้บรรจุสารเคมีต่างที่เป็นสเปรย์ ไม่ว่าจะเป็น กระป๋องยากันยุง กระป๋องสเปรย์ผม กระป๋องสเปรย์ปรับอากาศ เนื่องจากภายในกระป๋องบรรจุก๊าซและสารเคมีอันตราย กระป๋องเหล่านี้จึงจัดว่าเป็นขยะมีพิษและต้องการให้มีการจำกัดในลักษณะเฉพาะเท่านั้นเพื่อป้องกันการรั่วซึมของสารพิษออกมาสู่แหล่งชุมชนเพราะจะก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
4. พลาสติก
พลาสติกจัดเป็นขยะที่น่ากลัวและน่าอันตรายเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากพลาสติกนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและกว่าจะย่อยสลายได้ต้องอาศัยระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ดังนั้นเมื่อนำพลาสติกมาใช้งานแล้วกลายไปเป็นขยะ ขยะพลาสติกเหล่านั้นจะคงรูปอยู่ในลักษณะเช่นนั้นไปจนกว่าจะสลายไป ด้วยเหตุที่พลาสติกนี้คงตัวได้เป็นร้อยๆปีและมีอัตราการใช้พลาสติกเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงเกิดขยะพลาสติกจำนวนมากในทุกๆที่ทั่วทุกมุมโลก โดยมีการนำเอาพลาสติกมาใช้ในทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยเฉพาะนำมาใช้เป็นถุงพลาสติกเพื่อบรรจุสิ่งของและอาหาร ซึ่งเมื่อพลาสติกเหล่านี้ถูกใช้งานและทิ้งไปก็จะปนอยู่กับขยะเปียกทำให้ยากต่อการแยกเพราะส่วนใหญ่เมื่อใช้เสร็จแล้วก็จะนำขยะมารวมกันกับเศษอาหารกลายเป็นขยะเปียก และในที่สุดขยะปียกเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดโดยวิธีฝังกลบ หรือเผา ซึ่งหมายความว่าในกระบวนการกำจักนั้นมีขยะประเภทพลาสติกปะปนอยู่ด้วย จึงเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมกันโดยตรงเลยทีเดียว ดังนั้นการแยกขยะพลาสติกที่ยังคงใช้งานได้ รวมไปถึงการนำขยะพลาสติกมาทำความสะอาดแล้วจึงทิ้ง รวมไปถึงงดใช้ถุงพลาสติกจึงเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมากที่สุด เมื่อเศษขยะจากพลาสติกนี้ได้รับการแยกไว้และสะอาดพอควรก็จะสามารถนำไปรีไซเคิลด้วยการหลอมแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
นอกจากขยะทั้ง 4 ประเภทข้างต้นที่สามารถนำกลับมารไซเคิลได้แล้ว ยังคงมีขยะอีกมากมายหลายประเภทที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ถึงแม้ว่าไม่สามารถจะนำมารีไซเคิลได้ เพียงแต่ขยะเหล่านั้นต้องถูกมองด้วยมุมมองใหม่ๆว่ามันไม่ใช่ขยะแต่เป็นขุมทรัพย์ที่ไม่ต้องลงทุน ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม อย่าลืมมีวินัยกับการจัดการแยกขยะโดยเริ่มที่ตัวคุณแล้วขยายผลออกไปที่ครอบครัวของคุณ หากทุกคนร่วมมือกันเราก็จะสามารถลดปริมาณขยะและเพิ่มสิ่งแวดล้อมที่มีความสุขสู่โลกของเราได้

มารักษ์โลกโดยรีไซเคิลกระดาษง่ายๆได้ด้วยตัวคุณเอง


มารักษ์โลกโดยรีไซเคิลกระดาษง่ายๆได้ด้วยตัวคุณเอง 

กระดาษนั้นจัดว่าเป็นวัสดุที่มีค่ามากมายมหาศาล ไม่ใช่เพียงแต่มีมูลค่าเนื่องจากการผลิตเพื่อนำมาใช้เท่านั้น แต่มีค่าทางด้านประวิติศาสตร์เนื่องจากใช้จดบันทึกเรื่องราวในอดีตมากมาย ไปจนถึงการสร้าสรรค์งานศิลปะอันประเมินค่าไม่ได้อีกด้วย ปัจจุบันนี้เราสามารถผลิตกระดาษเพื่อใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นกระดาษจึงไม่ใช่สิ่งที่ทำหรือหาได้ยากอย่างเช่นในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่าวัสดุที่จะนำมาทำเป็นกระดาษหรือว่าต้นไม้นั้นมีจำนวนน้อยลงๆไปทุกที ทั้งนี้เนื่องจากต้นไม้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของคนเราโดยไม่มีการปลูกทดแทนในจำนวนที่มากพอ และต้นไม้เองก็ไม่สามารถโตทันให้กลับมาใช้ได้ทันการณ์ด้วย
โดยวัสดุหลักที่เรานำมาผลิตเป็นกระดาษในทุกวันนี้มีทั้งไม้ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญที่สุด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของเส้นใย (Fiber) คือ ไม้เนื้ออ่อน(Soft Wood) ที่มีเส้นใยยาว (ประมาณ3-4 มม.) จำพวกไม้สน(Cone-Bearing Tree) และไม้เนื้อแข็ง(Hard Wood )ที่มีเส้นใยสั้น (ประมาณ1-1.5มม.) ส่วนใหญ่เป็นไม้ผลัดใบ (Deciduous Tree) รวมไปถึงชานอ้อย(เป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษในประเทศไทย) และฟางข้าว ท้ายที่สุดคือกระดาษที่ใช้แล้วหรือกระดาษที่จะนำมารีไซเคิลนั่นเอง
ดังนั้นแนวคิดที่จะอนุรักษ์ป่าไม้ไปพร้อมกับการที่ยังมีกระดาษใช้จึงได้เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้เราเรียกว่า “รีไซเคิลกระดาษ” ซึ่งแท้จริงแล้วหลายคนคิดว่ากระบวนการรีไซเคิลกระดาษนี้สามารถทำได้เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าลองศึกษาให้ดีก็จะสามารถทำเพื่อนำมาใช้งานได้จริงเช่นกัน ซึ่งขั้นตอนในการทำนั้นไม่ได้ยุ่งยากมากมายเลยเพียงแต่อาจจะต้องใช้แรงงานกับอุปกรณ์สักหน่อย รวมไปถึงเวลากับความใส่ใจอีกนิดเชื่อได้เลยว่าผลงานที่ทำขึ้นมาคุณสามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจได้เลยในอนาคต โดยการทำกระดาษรีไซเคิลมีขั้นตอนดังนี้คือ
ขั้นตอนการทำกระดาษรีไซเคิล
อุปกรณ์ที่ใช้ทำกระดาษรีไซเคิล
1. กระดาษที่ทิ้งแล้ว
2. กะละมัง หรือถังน้ำ
3. เฟรม(เป็นกรอบที่ทำด้วยไม้หรืออลูมิเนียมและมีตะแกรงขึงเพื่อใช้ตากกระดาษ คล้ายมุ้งลวด)

ขั้นตอนการทำกระดาษรีไซเคิล
1. นำกระดาษที่เหลือใช้ ได้แก่ กระดาษสมุด กระดาษหนังสือ กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษเอกสารก๊อปปี้ มาคัดเลือก โดยจำเป็นต้องแยกประเภทของกระดาษแต่ละชนิดออกจากกันเนื่องจากกระดาษแต่ละอย่างมีความไวต่อการย่อยสลายไม่เท่ากัน
2. ฉีกกระดาษออกให้เป็นชิ้นเล็กๆ โดยให้มีขนาดประมาณ 2 – 3 นิ้ว แล้วนำกระดาษที่ได้ไปแช่ลงในกะละมังหรือถังน้ำบรรจุน้ำโดยใส่น้ำให้ท่วมกระดาษ ใช้เวลาในการแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 5 วัน จนกว่ากระดาษจะเปื่อยยุ่ย
3. เมื่อกระดาษเปื่อยยุ่ยดีแล้ว ให้นำเอาเยื่อกระดาษที่ได้มาใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้แล้วปั่นให้ละเอียดโดยเติมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ปั่นง่ายขึ้น(ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถเติมสีได้ตามความต้องการ) ปั่นจนกระดาษละเอียดเป็นวุ้น
4. นำเยื่อกระดาษที่ปั่นได้ใส่ลงในกะละมังแล้วเติมน้ำตามลงไป ถ้าต้องการกระดาษหนาให้ใส่น้ำน้อย แต่ถ้าต้องการกระดาษบางใส่น้ำให้มากขึ้น(น้ำน้อยเยื่อกระดาษจะเกาะตัวกัน ในขณะที่น้ำมากเยื่อกระดาษจะกระจายตัวออกจากกัน)
5. ใช้ไม้กวนเยื่อกระดาษให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำเฟรมที่เตรียมไว้(ควรมีหลายๆอัน)ช้อนเยื่อกระดาษในกะละมังขึ้นมา หากได้ความหนาที่ต้องการก็ให้ทำการเกลี่ยกระดาษให้เรียบเสมอทั่วกันทั้งแผ่นแล้วนำไปตากแดด
6. ให้ตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 วัน หรือจนกว่ากระดาษจะแห้ง โดยกระดาษที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกระดาษสา
7. ลอกกระดาษออกจากเฟรมแล้วนำไปใช้ได้ตามต้องการ
เมื่อได้กระดาษออกมาแล้วคุณสามารถนำไปใช้งานได้เลยโดยไม่จำกัด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะลงแล้ว ยังมีกระดาษใหม่ๆไว้ใช้โดยไม่ต้องเสียสตางค์ซื้ออีกด้วย ซึ่งกระดาษที่ได้นั้นจะมีคุณลักษณะคล้ายกระดาษสา คือ มีความขรุขระในเนื้อกระดาษ เมื่อช้อนเนื้อกระดาษออกมาใหม่ๆคุณสามารถตกแต่งเยื่อกระดาษด้วยเศษวัสดุต่างๆเพื่อให้สวยงามขึ้นได้อีก เช่น ใบไม้ ดอกไม้ หรือแต้มสีในกรณีที่คุณมีความสามารถทางศิลปะ จากนั้นคุณก็สามารถนำกระดาษที่ได้รังสรรค์เป็นชิ้นงานต่างๆได้ตามแต่ใจคุณปรารถนา หรืออาจจะนำไปเป็นกระดาษห่อของขวัญ กระดาษห่อปกสมุดหนังสือ กระดาษที่ใช้จัดตะกร้าของขวัญ หรือจะเย็บเล่มเป็นสมุดเพื่อใช้งานหรือจดบันทึก รวมถึงถ้าหากคุณฝีมือดีก็สามารถนำชิ้นงานประดิษฐ์เหล่านี้ฝากขายเพื่อเป็นรายได้เสริมโดยแทบไม่ต้องลงทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย
จะเห็นได้ว่าการรีไซเคิลกระดาษนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยถ้าหากเราตั้งใจจริง เริ่มต้นด้วยการแยกประเภทขยะโดยนำกระดาษที่เหลือใช้หรือจะทิ้งแล้วออกมาจากขยะชนิดอื่นๆ แล้วจึงนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลก็จะได้กระดาษแผ่นใหม่ออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเรียบร้อยเหมือนกับกระดาษที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ได้ความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ป่าไม้ด้วยการแยกขยะและรีไซเคิล ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลดีในการลงมือปฏิบัติก็จะสะท้อนกลับมาสู่ตัวเราให้มีจิตใจละเอียดอ่อนเข้าใจธรรมชาติรวมไปถึงตระหนักถึงกระรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีงามสืบไปอีกด้วย